วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

ศีลปะตะวันตกเพื่อการนำเที่ยว HT325

แบบฝึกหัดบทที่ 1
1.ข้อใดไม่ถูกต้อง

ตอบ ค. มนุษย์ไม่ต่างจากสัตว์ในแง่ของอารมณ์และคาวมรุ้สึกทางธรรมชาติ
2.การที่สังคมมีความซับซ้อนและมีความเจริญทางวัตถุเกิดจากสาเหตุสำคัญในข้อใดตอบ

ค. เครื่องมือ
3.ข้อใดถูกต้องที่สุดเมื่อกล่าวถึงการศึกษางานศิลปะสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในโลกตะวันตกตอบ

ง. ภาพเขียนสีถ่ำลาสโคซ์
4.คำว่ามนุษย์ผู้ถนัดในการใช้มือตรงกับข้อใดมากที่สุดตอบ

ก. โฮโมฮาบิลิส
5.ข้อใดเป็นมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์กลุ่มหนึ่งในยุโรปซึ่งทิ้งผมงานศิลปะไว้มากมายในถ่ำต่างๆตอบ

ข. โครมันยอง
6.ข้อใด มิใช่ แหล่งโบราณคดีซึ่งพบหลักฐานภาพสีสมัยหินเก่าอายุประมาณ 30,000-25,000BC.ในยุโรปตอบ

ค. โอลดูเวย์
7.ข้อใดเป็นศิลปะถ่ำซึ่งพบโดยบังเอิญจากการเล่นซุกซนของเด้กสองคนเมื่อ ค.ศ.1940ตอบ

ข. ลาสโคซ์
8.ภาพเขียนสีในถ้ำอะไรมักถูกยกเป็นตัวอย่างของจิตรกรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์เสมอตอบ

ก. อัลตามีรา
9.ข้อใดไม่ถูกต้องตอบ

ง. งานประติมากรรมรูปคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มักมีขนาดใหญ่
10.Menhir or Standing Stone เป็นอนุสาวรีย์หินแบบใดตอบ

ข. หินตั้งเดี่ยว


แบบฝึกหัดบทที่ 2
1.พื้นฐานดั้งเดิมก่อนเกิดอารยธรรมตะวันตกก่อตัวขึ้นเมื่อใด

ก. ประมาณ 4,000 BC.
2.ภูมิภาคแถบเอเชียไมเนอร์เป็นแหล่งกำเนิดของอารยธรรมโบราณในข้อใด

ก. เมโสโปเตเมีย
3.แม่น้ำไทกริส – ยูเฟรตีส พัดดินตะกอนมาท่วมสองฝั่งภาคใต้ของดินแดนเมโสโปเตเมียในฤดูใบไม้ผลิระหว่างเดือน …. ทำให้ภาคใต้เป็นดินแดนที่ราบลุ่มชายฝั่งทะเลอุดมด้วยปุ๋ยธรรมชาติเหมาะต่อการเพาะปลูกพืชพรรรธัญญาหารต่างๆข้อใดถูกต้อง

ข. มีนาคม – พฤษภาคม
4.พื้นที่ภาคเหนือของดินแดนเมโสโปเตเมียมีฝนตกชุกเมื่อใด

ค. ฤดูหนาว
5. ข้อใดเป็นชนชาติเก่าแก่ที่ริเริ่มสร้างสรรค์อารยธรรมเมโสโปเตเมียขึ้นมา

ก. ชาวสุเมอเรียน
6. ข้อใดเป็นปัจจัยที่ทำให้ชาวเมโสโปเตเมียมองโลกในแง่ร้ายและไม่เห็นคุณค่าของชีวิต

ก. สภาพภูมิอากาศแบบกึ่งทะเลทรายแปรปรวน
7.ชาวสุเมอเรียนไม่นิยมสร้างพระราชวังขนาดใหญ่ แต่นิยมสร้างซิกเกอแรท (Ziggurats) ศาสนสถานขนาดใหญ่กลางเมืองเป็นที่ประทับของเทพเจ้า ลักษณะคล้ายภูเขาห้อมล้อมด้วยกำแพงเมืองและบ้านเรือนประชาชน สร้างจากวัสดุประเภทใด

ก. อิฐตากแห้ง
8.ข้อใดเป็นการปกครองในระยะแรก ของอาณาจักรสุเมอเรียน

ง. สภาของผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะ
9.ข้อใดเป็นอักษรที่เกิดจากการใช้ไม้เขียนลงบนแผ่นดินเหนียวแล้วผึ่ง หรืออบให้แห้ง

ก.คูนิฟอร์ม
10.ข้อใดเป็นชื่อของผู้ก่อตั้งอาณาจักรบาบิโลเนีย

ก. ฮัมมูราบี
11. “ พวก Canaanites ” เป็นคำเรียกชนชาติในข้อใด

ก. ชาวฟีนิเชียน
12. หลังจากถูกรุกรานโดยชาวยิวและชาวฟิลิสไตน์เมื่อประมาณ 1,300 – 1,000 BC. ดินแดนของชาวคะนาอันไนต์จึงเหลือเพียง “ ฟีนีเซีย ” ซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งแคบๆของทะเลอะไร

ก. ทะเลเมดิเตอเรเนียน
13.ในปี 750 BC. ชนชาติใดได้เข้ามายึดครองดินแดนของชาวฟีนิเชียนจนเกือบหมด เหลือเพียงอาณานิคมที่เมืองคาร์เธจเท่านั้น

ก. ชาวแอสซิเรียน
14.ข้อใดเป็นต้นตระกูลของอักษรที่ชาวยุโรปใช้อยู่ในปัจจุบัน

ค. อักษรฟีนิเชียน
15.ชาวฮิบรูเป็นชนเผ่าเร่ร่อนในทะลทรายเมื่อ 1,400 BC. มี Moses เป็นผู้นำสำคัญในการปลดแอกจากการเป็นทาสของชนชาติใด

ข. อียิปต์
16.ข้อใดเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรอิสราเอลเมื่อประมาณ 1,013 – 973 BC.

ก. พระเจ้าเดวิด
17.อาณาจักรอิสราเอลถูกทำลายโดยชนชาติใด

ง. ชาวแอสซิเรียน
18.เหตุการณ์ที่เรียกว่า The Babylonian Captivity เกี่ยวกับชนชาติใด

ข.ชาวฮิบรู
19.ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับศาสนายูดาย

ข. นับถือพระยะโฮวา
20.ผู้สถาปนาอาณาจักรเปอร์เซียเมื่อปี 549 BC. คือใคร

ง. พระเจ้าไซรัส


แบบฝึกหัดบทที่ 3
1.มหากาพย์อีเลียดและโอเดสซีเป็นของอารยธรรมกรีกยุคใด

ยุคมืด
2.วิหารพาร์เธนอน (Parthenon) สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานรูปเคารพของเทพองค์ใด

ข. อะเธนา
3.หัวเสาทำเป็นรูปใบไม้ตรงกับข้อใด

ค. หัวเสาแบบโครินเธียน
4.ความนิยามในการสร้างประติมากรรมหญิงเปลือยแทนรูปชายเปลือยเกิดขึ้นยุคใด

ง. ยุคเฮเลนิสติก
5.จิตรกรรมกรีกสมัยแรกมักทำ Back ground เป็นสีอะไร

ข. สีแดง
6.ลักษณะของงานจิตรกรรมที่นิยมวาดสีตัดกับพื้นในฉาก แล้วพัฒนาเป็นรูปเครือเถา และรูปเล่าเรื่องในนิทานปรัมปรา (Methology) และมหากาพย์ของโฮเมอร์อย่างกลมกลืนงดงามเกิดขึ้นในยุคใด

ค. ยุคคลาสสิค
7.การแสดงละครแพร่หลายมากในยุคใด

ค. ยุคคลาสสิค
8.ข้อใดถูกต้องเมื่อกล่าวถึงละครแบบโศกนาฎกรรม (Tragedy) และสุขนาฎกรรม (Comedy)

ก. ตัวละครชายทั้งหมด
9.นักปรัชญากรีกที่ก่อตั้งสำนักอะคาเดมีขึ้นที่เอเธนส์คือใคร

ข. เพลโต
10.นักปรัชญาที่เชื่อว่า ปัญญานำมาซึ่งความรู้ และความรู้นำมาซึ่งความสุขสบาย ถ้าปราศจากความสุขสบายมนุษย์จะไม่เกิดปัญญา คือใคร

ค. อริสโตเติล
11.เทพองค์ใดมิใช่พี่น้องของมหาเทพซูส

ข. ฮาเดส
12.อาวุธของมหาเทพซูสคืออะไร

ค.สายฟ้า
13.เทพที่มักปรากฎกายในลักษณะสวมหมวกขอบกว้างสวมรองเท้ามีปีกถือคทาที่มีงูพันคือใคร

ค. เฮอร์มีส
14.เทพีแห่งการครองเรือนและเทพแห่งครอบครัวคือใคร

ค. เฮสเทีย
15.เทพีแห่งสงคราม ความฉลาดเฉลียว และศิลปศาสตร์

ข. อะธีน่า
16.เป็นฉนวนเหตุของสงครามกรุงทรอยคือใคร

ข. อะโพไดตี้


แบบฝึกหัดบทที่ 4
1. การปกครองในข้อใดทำให้เกิดจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire)

ค. การปกครองแบบ Tretarchy
2. หลังจากเกิดจักรวรรดิไบแซนไทน์ ข้อใดเป็นรูปแบบการปกครองของจักรวรรดิดังกล่าว

ก. การปกครองแบบ Autocrat
3.“ โรมใหม่ ” หมายถึงข้อใด

ค. คอนสแตนติโนเปิล
4.ข้อใดไม่ใช่พื้นที่ของอาณาจักรโรมันตะวันออกในคริสต์ศตวรรษที่ 7
ค. คาบสมุทรไอบีเรีย
5.ข้อใดเป็นการปกครองที่จักรพรรดิทรงมีอำนาจสูงสุดทั้งทางจักรวรรดิและทางศาสนา

ก. การปกครองแบบ Autocrat
6.จักรวรรดิโรมันตะวันออกใช้ภาษาอะไรในการสื่อสารอย่างเป็นทางการ

ก. กรีก
7.คริสต์ศาสนาแบบ Christian Hellenism มีศูนย์กลางที่ใด

ง.กรุงคอนสแตนติโนเปิล
8.ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการแพร่หลายของศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์

ง. ยุโรปตะวันตก
9.ข้อใดไม่ใช่เมืองสำคัญทางศาสนาคริสต์ที่จักรพรรดิคอนสแตนตินทรงจัดไว้เมื่อ ค.ศ. 325

ก. เอเธนส์
10.ข้อใดไม่ถูกต้อง

ง. Novels คือ นิยายเรื่องยาว


แบบฝึกหัดบทที่ 5

1.ยุคกลางหมายถึงยุคซึ่งอยู่ระหว่างตอบ ความเจริญโลกคลาสสิกกับยุโรปใหม่
2.ศิลปในยุคกลางตอนต้นเรียกว่าตอบ ยุคแห่งความสำเร็จพวกนอร์ธแมน
3.ยุคกลางตอนปลายเป็นยุคเสื่อมของตอบ สถาบันศาสนาและศักดินา
4.ระบอบศักดินาหมายถึง ตอบ ระบอบการปกครองทางสังคมที่เน้นกรรมสิทธิ์ที่ดิน
5.ยุคกลางสิ้นสุดลงเมื่อใด…..ค้นพบทวีปอเมริกาตอบ คริสโตเฟอร์ โคลัมปัส
6.Benefice ในสมัยกลาง หมายถึงตอบ จารีตการยกที่ดินของวัดให้เอกชนเช่า
7.Lord หมายถึงตอบ ขุนนางชั้นสูงซึ่งได้รับพระราชทานกรรมสิทธิ์ที่ดิน
8.พวก Crofter and Cotters ในสมัยกลางหมายถึงตอบ คนที่มีสถานภาพทางสังคมต่ำกว่าทาสติดที่ดินเพราะไม่มีที่ดินทำกิน
9.อำนาจของชนเผ่าเยอรมันมาจากตอบ การใช้คมหอกสั้นปลายแคบและเครื่องมือเหล็ก
10.ชาวคริสต์เชื่อว่ากรุงโรมเป็นสถานที่ศักสิทธิ์เพราะตอบ เป็นที่ฝังร่างของนักบุญ ชื่อ ปีเตอร์ซึ่งเป็นประมุของค์แรก
11.วิหารพระเจ้าชาเลอมาล ตั้งอยู่ที่ใดตอบ เมืองอาเคน
12.โบสถ์ All Saint Church ที่นอร์แธมตันไชร์ ประเทศอังกฤษ เป็นโบสถ์แบบตอบ แองโกล-แซกซอน
13.สถาปัตยกรรมโรมาเนสก์มีลักษณะเด่นคือตอบ อาคารมีประตูหน้าต่างโค้งกลม กำแพงหนา หน้าต่างบานเล็กและเรียวยาว
14.มหาวิหารดูแรห์ม มีลักษณะเด่นคือ ตอบ การทำซุ้มโค้งแบบไขว้
15.จุดเด่นของสถาปัตยกรรมกอธิคคือตอบ การใช้เสาค้ำยันจากภายนอกและใช้เสาหินรองรับน้ำหนักของหลังคา
16.ใครเป็นผู้เขียนวรรณกรรมเรื่อง The City of godตอบ นักบุญ Augustin
17.มหากาพย์เรื่อง Chanson de Roland สะท้อนให้เห็นคุณธรรมด้านใดตอบ เห็นความกล้าหาร อุดมการณ์ จริยธรรม ความเสียสละและศรัทธาในศาสนาคริสต์
18.นิยายเพ้อฝันสมัยกลางเป็นเรื่องเกี่ยวกับตอบ ความรักของหนุ่มสาว
19.The idea of Chivalry หมายถึงตอบ การแสวงหาความรักเทิดทูนบูชาต่อสตรีสูงศักดิ์
20.Canterberry Tales คือตอบ นิยายเสียดสีสัง คมของ Chance



แบบฝึกหัดบทที่ 6
ตอนที่ 1 จงทำเครื่องหมายถูกหน้าข้อที่ถูกและทำเครื่องหมายผิดหน้าข้อที่ผิด........

1 ศูนย์ของศิลปเรอแนสซองส์สมัยแรก(Early Renaissance)เกิดที่กรุงโรม........
2 พ่อค้าสมัยเรอแนสซองส์พยายามเลียนแบบชีวิตความเป็นอยู่ของขุนนางสมัยกลาง เช่น การอุปถัมป์การศร้างงานของศิลปิน........
3 ศิลปสมัยเรอแนสซองส์นิยมความงามตามแบบอย่างจารีตสมัยกลาง........
4 นักปรัชญามนุษยนิยมสนใจเรื่องราวและหลักทำทางศาสนา........
5 ตระกูลเมดีซี Medici เป็นผู้อุปถัมป์ศิลปินที่เมืองฟลอเรนซ์

ตอนที่ 2 จงจับคู่ให้ถูกต้องก................
1. การซื้อขายตำแหน่งศาสนาและใบไถ่บาปจ................
2. ลักษณะที่ผิดเพี้ยนไปจากแบบแผนดั้งเดิมญ...............
3. จิตรกรรมที่ชื่อ Calling of Mathewฉ...............
4. ริเริ่มจัดภาพแบบกระจายซ่อนภาพรางๆไว้นความมืดให้แสงจ้าเป็นจุดๆฌ...............
5. ทำท่าโลดโผนคล้ายแสดงละคร แต่งกายหรูหราทำผ้าเป็นจีบมุมเกินจริงข................
6. ประติมากรรมเดวิดค................
7. มีโครงสร้างละเอียดซับซ้อน แลดูพร่างพรายจากการเน้นแสงสว่างในอาคารเป็นจุดๆง.................
8. มีโครงสร้างเป็นเส้นโค้งอ่อนหวานเน้นรายละเอียดที่เป็นวิจิตรพิศดารฌ................
9. เน้นให้เกิดความเคลิบเคลิ้มในบรรยากาศมากกว่าซ...............
10. จิตรกรรมชื่อ การนัดพบของคู่รัก


แบบฝึกหัดบทที่ 7


1.ศิลปะลัทธินีโอคลาสสิค หมายถึงอะไรตอบ รูปแบบศิลปะที่หวนไปนำปรัชญาและหลักสุนทรียภาพทางศิลปะ แบบคลาสสิกของกรีกโบราณมาสรรค์สร้างขึ้นใหม่ในยุโรป
2.ความตื่นเต้นจาการขุดพบเมืองอะไรในสมัยโรมันซึ่งผลักดันให้เกิดศิลปะนี่โอคลาสสิคตอบ เมืองเฮอร์คูลาเนียมและเมืองปอมเปอี
3.ศิลปินที่กล่าวว่าศิลป คือ ดวงประทีปของเหตุผล ซึ่งต่อมากลายเป้นความเชื่อของศิลปตอบ ศิลปะนีโอ-คลาสสิก
4. ศิลปลัทธินีโอ-คลาสสิค มีแนวทางการสะท้อนผลงานทางศิลปะอย่างไรตอบ ต้องแสดงความถูกต้องตามหลักกายวิภาคศาสตร์ การวางท่าทางที่สง่างามตามแบบอย่างของศิลปะกรีก-โรมันโดยเน้นความถูกต้องตามหลักความเป็นจริง
5.ผลงานของดาวิดชื่อ คำสาบานของพวกฮอราติไอ ต้องการสะท้อนแนวคิดอะไรแก่ผู้ชมตอบ แนวคิดเกี่ยวกับการรักชาติของนักรบโรมัน 3 คน ที่รับดาบจากบิดาไปสู่ศัตรู
6.ภาพเขียนชื่อ โรงพยาบาลโรคระบาดที่เจฟฟา เป็นผลงานของใครตอบ ดาวิด
7.ขณะที่ศิลปลัทธินีโอ-คลาสสิค คำนึงถึงความถูกต้องตามหลักการและกฏเกณฑ์ทางศิลปะ แต่ลัทธิโรแมนติกกลับยึดถือและให้ความสำคัญต่อสิ่งใดตอบ อารมณ์และจิตใจของศิลปินมากกว่าเหตุผล
8. ภาพ แพเมดูซา The Raft of the Medusa เป็นผลงานของใครตอบ เจอริโคลต์
9.ผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับเดอลาครัวเป็นอย่างยิ่งชื่อว่าอะไรตอบ ภาพเขียนสีน้ำมันขนาดใหญ่ ชื่อ เสรีภาพนำหน้าประชาชน
10. แนวทางการสร้างสรรค์ผลงานในศิลปะลัทธิสัจจะนิยมเน้นเรื่องใดเป็นสำคัญตอบ เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของมนุษย์
11.ศิลปะลัทธิเอมเพลสชั่นนิสม์ปรากฎอย่างเป็นทางการเมื่อใดและสร้างผลอย่างไรตอบ ค.ศ. 1874 สร้างความตื่นตระหนกและถูกประณามจากนักวิจารณ์ศิลปะแนวอนุรักษ์นิยมอย่างรุนแรง
12.ศิลปินที่ได้รับว่าเป็นผู้นำของกลุ่มลัทธิอิมเพลสชั่นนิสม์ คือใครตอบ อีดูวาร์ด มาเนต์
13.อิมเพลสชั่นนิสม์เป็นจุดเริ่มต้นของสิลปสมัยใหม่ เพราะเปลี่ยนจาการเทคนิคการสร้างงานด้วยเกลี่ยสีมาเป็นเทคนิคอย่างไรตอบ เป็นแบบป้ายสีเพื่อให้สีผสมผสานกันในสายตาผู้ดู สนใจมิติทางสุนทรียศาสตร์
14.ศิลปินลิทธิอิมเพลสชั่นนิสม์ที่มีความสูงในการเสียงภาพคนและแง่มุมและทัศนียวิทยาชองสถาปัตยกรรมและทิวทัศน์ โดยใช้สีได้อย่างสดใส มีบรรยายกาศใสสะอาดราวกับสิ่งต่างๆเป็นของเหลว คือ ใครตอบ ปิแอร์ ออกุสต์ เรอนัวร์
15. ศิลปะลัทธิโพสท์-อิมเพลสชั่นนิสม์ แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ มีอะไรบ้างตอบ 1 กลุ่มที่เน้นการแสดงออกด้านอารมณ์2 กลุ่มที่เน้นความเกี่ยวข้องกับโครงสร้างทางศิลปะ
16.ผู้สนับสนุนศิลปินกลุ่มโพสท์-อิมเพลสชั่นนิสม์คือใครตอบ โรเจอร์ ฟราย กับ คลีฟ เบลล์
17.ความเชื่อในการสร้างสรรค์งานของพอล เซซานน์ เป็นอย่างไรบ้างตอบ การประสานสัมพันธ์ของสีมีมากเท่าไร ความกลมกลืนกันก็มีมากเท่านั้น
18.แวนโก๊ะมีพัฒนาในการสร้างสรรค์ผลงานอย่างไiตอบ ระยะแรกสะท้อนภาพชีวิตที่หม่นหมองและแสดงออกแบบลัทธิเรียลิสม์ ตอนหลังใช้แปรงแต้มสีหนาเป็นริ้วรอยแปรงที่แสดงออกึงความรุนแรงของอารมณ์อย่างที่สุด
19.ผลงานที่ได้รับยกย่องของแวนโก๊ะมี 3 ภาพ คือตอบ คนกินมัน ดอกทานตะวัน ราตรีประดับดาว
20.เมื่อกล่าวถึงจิตรกรคนสำคัญที่สร้างสรรค์ผลงานอย่างไม่มีทฤษฎี ไม่มีการบันทึกถึงความสามารถในด้านบุกเบิกสุนทรีภาพใหม่โดยงานที่เขาสร้างขึ้นนั้นเปรียบเสมือนการ บันทึก สิ่งที่เขาเห็นและเข้าใจโดยปราศจากความคิดเห็น ไม่มีความสงสาร ไม่มีอารมณ์รู้สึกไม่มีการกล่าวหาและไม่มีการส่อเสียดใดๆ หมายถึงศิลปืนคนใดตอบ ทรูลูส โรเทรค



แบบฝึกหัดบทที่ 8
1.ศิลปะลัทธิโฟวิสม์ มีความเป็นมาอย่างไรตอบ Fauvism มาจากภาษาฝรั่งเศส Les Fauves แปลว่า สัตว์ป่า จึงหมายถึง ลัทธิสัตว์ป่า อันเป็นคำเปรียบเปรยรูปแบบศิลปะเมื่อเปรียบเทียบผลงานของศิลปินสมัยเรอแนสซองส์ที่งามตามหลักสุนทรียภาพเดิม
2.แนวทางการสร้างสรรค์งานของกลุ่มสะพานสะท้อนเรื่องราวอะไรบ้างตอบ ความสับสน ความอัปลักษณ์ของสังคม เศรษฐกิจ การเมืองและศาสนา
3.แนวทางการสร้างผลงานของกลุ่มม้าสีน้ำเงินเป็นอย่างไรบ้างตอบ แสดงออกทางอารมณ์อย่างรุนแรงที่แฝงความสนุกสนานจากการใช้สี เส้น และการแสดงลีลาคล้ายเสียงดนตรีสลายตัว
4.ศิลปินที่ได้ชื่อว่าเป็นลัทธิอิมเพลสชันนิสม์ คือใครตอบ เอ็ดวาร์ด มูงค์
5.ศิลปะลัทธิคิวบิสม์ หรือ Cubism Art มีรากฐานอย่างไรตอบ มีรากฐานมาจากผลงานของเซซานน์
6.ศิลปะลัทธิคิวบิสม์ เชื่อในเรื่องใดตอบ การแสดงออกทางศิลปะนอกจากจะไม่ต้องแสดงเชิงการถ่ายทอดเชิงความเป็นจริงตามตาเห็นแล้วยังจะต้องกลั่นกรองรูปทรงด้วยการวิเคราะห์และสังเคราะห์รูปทรงให้เหลือเพียงแก่นแท้ที่มั่นคงแข็งแรง
7.ภาพ เกอนีแค ค.ศ.1937 เป็นผลงานของศิลปินคนใดตอบ ปาเบล ปิคัสโซ
8.ผลงานศิลปที่ชื่อ บ้านที่เลสตัค ในพิพิธภัณฑ์ที่กรุงเบอร์น เป็นผลงานของศิลปินคนใดตอบ จอร์จ บราค
9.ผู้ที่ได้รับยกย่องว่าเป็นบิดาของศิลปนามธรรมคือใครตอบ แคนดินสกี จิตรกรชาวรัสเซีย
10.จิตกรลัทธินามธรรม เอ็กเพรสชันนิสม์ ที่มีชื่อเสียงและโดดเด่น ได้รับฉายาว่าเป็นจิตรกรแบบ Action Painting คือใครตอบ แจคสัน พอลลอค
11.ศิลปลัทธิดาดามีพัฒนาการความคิดเริ่มแรกมาอย่างไรตอบ เตือนให้มนุษย์ตระหนักถึงผลลัพธ์ของสงคราม
12.การสลายตัวของศิลปินลัทธิดาดาเกิดขึ้นได้อย่างไรตอบ การเปลี่ยนแปลงสภาวการณ์โลกดีขึ้น และงานศิลปแนวลัทธิเซอร์-เรียลิสม์กำลังได้รับความนิยม ใน ค.ศ.1922
13.ศิลปลัทธิดาดาชื่อ น้ำพุ และภาพโมนาลิซามีหนวด เป็นผลงานของใครตอบ มาร์เซิล ดูชัมป์
14.ศิลปินลัทธิเซอเรีย ลิสม์ที่ใช้ ทฤษฎีอันฉับพลันของความเข้าใจอันไร้เหตุผล อันมีพื้นฐานมาจากการตความหมายเกี่ยวกับปรากฎการณ์ของจิตร อันแปรปรวนคือใครตอบ ซันวาดอร์ ดาลี
15.ความหมายเชิงปรัชญาของ เซอร์ –เรียลิสม์ คืออะไรตอบ เชื่อในความจริงมากกว่ารูปแบบความสัมพันธ์บางอย่างที่ถูกละเลยมาก่อนหน้านี้




แบบฝึกหัดบทที่ 9

1.ศิลปะป๊อปอาร์ต มีลักษณะอย่างไรตอบ เกี่ยวข้องกับบุคคลในสังคมปัจจุบัน ที่กำลังได้รับความสนใจหรือวิพากษ์วิจารณ์มิใช่เทพนิยาย ประวัติศาสตร์หรือศาสนา
2.ศินปินที่นำรูปร่างของอาหารซึ่งเป็นที่นิยมของสมัยนี้มาจำลองด้วยการใช้ผ้ายัดนุ่นคล้ายหมอนเพื่อสร้างความเร้าใจแก่ผู้พบเห็นคือใครตอบ แคลส์ โอลเดนเบอร์ก
3.จิตรกรอเมริกันที่กล่าวถึงศิลปป๊อปอาร์ต ว่าในความคิดของฉันเป็นศิลปะที่ไร้ยางอายที่สุดแห่งวัฒนธรรมของพวกเขาคือใครตอบ รอย ลิชแทนสเตน
4. ศิลปะป๊อปอาร์ต รูปแบบอย่างไรตอบ เป็นศิลปนามธรรมเน้นขอบเขตที่คมกริบ มีการจัดวางทิศทางและลีลาของเส้น รูปร่าง หรือจุดบนพื้นระนาบให้เกิดการลวงตา
5.Kinetic Art หมายถึงอะไรตอบ เป็นศัพท์ทางฟิสิกส์เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในทางศิลปะกาโบ
6.ผลงานชื่อหน้าผาที่ถูกห่อ ในศิลปแบบ Conceptual Art สร้างสรรค์โดยศิลปินชื่ออะไรตอบ คริสโต
7.สร้างสรรค์ทางศิลปชื่อเขียนขดก้นหอย คือผลงานของใครตอบ George Steinmetz.



แบบฝึกหัดบทที่ 10
1.พระสันตปาปาทรงนำดินแดนอิตาลีส่วนใหญ่เข้าไปอยู่ภายใต้การคุ้มครอง ของอาณาจักรโรมัน นศักสิทธิ์ในสมัยใดตอบ สมัยยุคกลาง

2.Papal State เกิดขึ้นเมื่อใดตอบ ปลายศตวรรษที่ 15
3. ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการสร้างชาติอิตาลี ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19คือใคร ตอบ พระเจ้าวิกเตอร์เอมมานูเอลแห่งซาร์ดีเนีย

4.ในอดีต สนามกีฬา Colosseum จุคนได้กี่คนตอบ 67000-80000 คน
5.จุดกำเนิดของเพลง ทรี คอย ออฟ เดอะ ฟาวน์เท่น ที่กรุงโรมคืออะไรตอบ น้ำพุเทรวี
6.มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์เป็นมหาวิหารที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในนครรัฐวาติกันเนื่องจากอะไรตอบ เชื่อกันว่าเปนสถานที่ฝังร่างของนักบุญปีเตอร์ หนึ่งในสาวก สิบสององค์ของพระเยซู
7.นักวิทยาศาสตร์ทางอิตาเลี่ยนซึ่งทดลองเรื่องความเร็วของวัตถุที่ตกลงมาจากที่สูง ณ หอ เอนปิซาคือใครตอบ กาลิเลโอ
8.ชาวฝรั่งเศสมักเรียกแผ่นใหญ่ว่าหกเหลี่ยม เนื่องจากอะไรตอบ รูปทรงทางกายภาพของประเทศ
9.หอไอเฟล ตั้งอยู่ที่ใดตอบ ปารีส ฝรั่งเศส
10.พระราชวังแวร์ซายส์ ตั้งอยู่ในกรุงปารีสเป็นพระราชวังที่สวยงาม น่ามหัศจรรย์ยิ่งแห่งหนึ่งของโลกสร้างโดยใครตอบ พระเจ้าหลุยส์ ที่ 14
11.ภาพเขียนโมนาลิซาองดาวินซี ปัจจุบันอยู่ที่ใดตอบ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์
12.สวิตเซอแลนกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในปี 1863 เมื่อใครจัดทัวร์ครั้งแรกจากอังกฤษ ไปยังสวิตเซอร์แลนด์ตอบ โทมัสคุ๊ก13.พวกที่ย้ายถิ่นเข้ามาอาศัยอยู่ในเขตทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์สวิตเซอแลนเมื่อ10000 ปีก่อนคริสตศักราชคือคนกลุ่มใดตอบ กลุ่มนักล่าสัตว์และคนเร่ร่อน
14.ในยุคจักวรรดิ โรมันอันศักสิทธิ์ สนธิสัญญา Verdun ในปี 834 ทำให้พื้นที่ทางทิศตะวันตกของสวิตเซอแลนด์ตกอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ Lothair ที่ 1 ส่วนทางด้านตะวันออก อยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์องค์ใดตอบ Louis the German
15.ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1และ2 สวิตเซอแลนด์ได้วางตัวเป็นกลางทางการทหารบทบาทสำคัญเพียงอย่างเดียวของประเทศสวิตเซอแลนด์ในสงครามโลกครั้งที่ 1 คืออะไรตอบ การส่งสภากาชาติเข้ามาช่วยเหลือ
16.ประเทศสวิตเซอแลนด์เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา เซ็งเก็นซึ่งมีใจความสำคัญว่าอย่างไรตอบ นักท่องเที่ยวที่มีใบอนุญาติเซงเก็นแบบมัลติเพิลของประเทศใดประเทศหนึ่งสามารถเดินทางเข้าออกประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่ารวม 26 ประเทศ
17.อาหารขึ้นชื่อของซูริกคืออะไรบ้างตอบ เกซเนตเซลเตส และราทส์เฮเลนโตฟ
18.ประสาทที่ปรากฎในการ์ตูนของวอล ดิสนีย์นำรูปแบบมาจากประเทศอะไรในสวิตเซอแลนด์ตอบ ปราสาทตูน
19.เมืองต้นกำเนิดของชัส ยี่ห้อเอ็ม เมนทัลและชอคโกแลตทรงสามเหลี่ยมท็อปเบิลโรน คือเมืองใดตอบ เบิร์น
20.สัญลักษณ์ของเมืองเบิร์นคืออะไรตอบ หมี
21.อนุเสารีย์สิงโตมีความสำคัญอย่างไรตอบ เป็นอนุเสารีย์ที่สร้างให้กับทหารที่เป็นองครักษ์ให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ซึ่งเสียชีวิต 786 คนใ นการปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส
22.เมืองศูนย์กลางการจัดนิทรรศการหลัก อีกเมืองหนึ่งของประเทศสวิตเซอแลนด์ คือตอบซูริค
23.พิพิธภัณฑ์ใดได้รับยกย่องว่าสวยงามเป็นอันดับสองของโลก และมีชื่อเสียงมากที่สุดของมาดริดและเป็นแหล่งสะสมภาพเขียนล้ำค่าแห่งหนึ่งของโลกคือ ที่ใดตอบ พิพิธภัณฑ์ปราโด
24.ปลาซ่า มายอร์ มีความสำคัญอย่างไรตอบ เคยเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น ราชาภิเษก สนามสู้วัวกระทิง
25.ผลงานส่วนใหญ่ของ ปิกัสโซ ที่บาเซโลนาสเปน อุทิศให้แก่ใครตอบ เพื่อนรักของเขา คือ ซาบาร์เตส
26.เทศกาลวิ่งวัวกระทิงของเมืองแปรมโปรนาในสเปนจัดขึ้นในวัน Siant Fermin Dayนักท่องเที่ยวเดินทางมาเพื่ออะไรตอบ ชมการแสดงโชว์หวาดเสียวของวัวกระทิง
27.ข้าวหมกสเปนมีต้นกำเนิดจากที่ใดตอบ บาเลนเซีย

28.Sangria เครื่องดื่มยอดนิยมของชาวสเปน มีส่วนผสมของอะไรบ้างตอบ ไวน์แดง บรั่นดี น้ำอัดลม และผลไม้
29.ชาวโครแอทอพยพมาจากทางเหนือของยุโรปช่วงศตวรรษที่6และอยู่ภายใต้การปกครองของ อาณาจักรตอบ ไบแทนไซต์
30.หลังสงครามโกลครั้งที่2 มีการตั้งสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวียในปี 2488 ภายใต้การ นำของจอมพลติโต ประกอบด้วยอะไรบ้างตอบ เซอร์เบีย โครเอเซีย สโลวีเนีย บอสเนีย เฮอร์เซโกวินา มอนเตเนโกร มาซิโดเนีย มณฑลโคโซโวและวอยโวดินา
31.ประเทศไทยได้รับการรับรองเอกราชของโครเอเชียเมื่อไรตอบ ค.ศ. 1990

32.ปัจจุบันมหาวิหาร เซน สตีเฟนที่มีเมืองซาเกรปมีลักษณะทางศิลปแบบใดตอบ แบบนีโอ กอธิค
33.มหาวิหารเซนต์เจมส์ที่เมืองไซเบนิค ซึ่งสร้างขึ้น 1431-1535 เป็นสถาปัตกรรมที่ผสมผสาน อะไรบ้างตอบ ดาลมาเซียท้องถิ่น ศิลปะทางเหนือของอิตาลีและศิลปะทัศคานี
34.ได้รับฉายา แคลิโฟเนีย แห่งเมืองโครเอเชียคือเมืองใดตอบ Trogir
35.ชื่อเดิมของประเทศตุรกีคืออะไรตอบ จักรวรรดิออตโตมัน
36. House of Verjin Mary บ้านของพระแม่มารีมีความสำคัญอย่างไรตอบ เป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีอาศัยและสิ้นพระชนม์ที่นี่
37.เมืองเอฟฟิซุส สำคัญอย่างไรต่อจักรวรรดิโรมันตอบ เคยเป็นที่พักอาศัยของชาวโยนกและเคยเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน
38.พระราชวังโดลมาบาชเช่ สร้างโดยใครตอบ สุลต่านอับดุล เมอซิท
39.เหตุใดนาฬิกาทุกเรีอนของพระราชวังโดลมาบาชเช่จึงชี้ที่ 09.05 เป็นนิจนิรันดร์ตอบ เพื่อเป็นการรำลึกของการจากไปเมื่อวันที่ 10 พ ย. 1938 ของอาคาล อาตาเติร์ก

40.อาหารประจำชาติตุรกีคืออะไรตอบ กะบับ
เขียนโดย ศิลปวัฒนธรรมตะวันตกเพื่อการนำเที่ยว

แหล่งท่องเที่ยวมรดกโลก (จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซ่า)








รายงาน

เรื่อง แหล่งท่องเที่ยวมรดกโลก(จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซ่า)

โดย

นาย วารานัย บัวทอง 48135-0028/01
นางสาว นิรมล ดีทู 50137 -0033/01

เสนอ

อ.พิทยะ ศรีวัฒนสาร

รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา ศีลปวัฒนธรรมตะวันตกเพื่อการท่องเที่ยว HT 325
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ปีการศึกษา2553


บทนำ

รายงานเรื่อง แหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกที่น่าสนใจ (จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซ่า)
ความเป็นมาของการทำรายงาน ได้รับมอบหมาย จาก อาจารย์ พิทยะ ศรีวัฒนสาร
ให้หาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลก จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซ่า เป็นสถาปัตยกรรม
ที่มีชื่อเสียงและมีความงดงาม ควรค่ากับการมาเยี่ยมชม Campo dei Miracoli หรือ ที่ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในชื่อ จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซา คือบริเวณที่ล้อมรอบด้วยกำแพง ใจกลางเมืองปิซา แคว้นทัสเคนี ประเทศอิตาลี ประกอบไปด้วยสิ่งก่อสร้างหลัก 4 อย่าง ได้แก่ มหาวิหารปิซา (Duomo) หอเอน (Torre) หอศีลจุ่ม(Baptistery) ..และสุสาน (Camposanto)ส่วนคำว่า"กัมโป เดย์ มีราโกลี"นั้นแปลว่า"จัตุรัสอัศจรรย์"ซึ่งต่อไปนี้จะกล่าวถึงรายลเอียดของจัตุรัสดูโอโมแห่งปิซ่า ข้อมูลหล่าวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ และจะทำให้ท่าน ได้รับความรู้เพื่มขึ้นจากรายงานนี้




ที่ตั้งและภูมิประเทศ

เมืองปิซ่า






ประเทศอิตาลีเมืองปิซ่า ตั้งอยู่บนชายฝั่ง ไทร์เรเนียน (Tyrrhenian ) และ แม่น้ำอาร์โน (Arno River) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นตอสกานา ประเทศอิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมือง ฟีเรนเซ (ฟลอเรนซ์) ประมาณ 100กิโลเมตร และทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง เซียนนาปรมาณ 130 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังเป็นมหาอำนาจทางการเดินเรือ ก่อนที่จะตกเป็นของ เมืองฟลอเรนซ์ และ เจโน (Florence and Genoa) อีกด้วย ปัจจุบันแม้ ปิซาจะกลายเป็น มหาวิทยาลัยที่ หลายคนอยากจะเข้ามาศึกษาเมืองนี้มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและมีชื่อเสียงนั้นคือ





The Piazza del Duomo in pisa






กัมโป เดย์ มีราโกลี (Campo dei Miracoli) หรือ ที่ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในชื่อ จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซา คือบริเวณที่ล้อมรอบด้วยกำแพง ใจกลางเมืองปิซา แคว้นทัสเคนี ประเทศอิตาลี ส่วนคำว่า "กัมโป เดย์ มีราโกลี" นั้นแปลว่า "จัตุรัสอัศจรรย์"
เปียซ่า เดล ดูโอโม (Piazza del Duomo) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่ได้รับการขนานนาม ว่า "Campo dei Miracoli” หรือ " ทุ่งมหัศจรรย์ ” เพราะเป็นที่ตั้งของหอคอยที่โด่งดัง และ โบสถ์สำคัญ ๆ ที่สง่างามหลายแห่ง ดูโอโม (Duomo) เป็นหนึ่งในตัวอย่างของ สถาปัตยกรรมสไตล์ โรมันเนสค์ (Romanesque) ซึ่งผสมผสานด้วยศิลปะแบบอิสลาม โกธิค และ โรมัน มี อายุตั้งแต่ คริสตศตวรรษที่ 5 – คริสตศตวรรษที่ 16
ประกอบไปด้วยสิ่งก่อสร้างหลัก 4 อย่าง ได้แก่




หอเอนเมืองปิซา







ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม ประเทศอิตาลี เป็น หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร



การสร้าง




Bonanno Pisano

เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 โดย โบนันโน ปิซาโน (Bonanno Pisano)ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ทำให้หอระฆังแห่งนี้เริ่มเอียงไปในทิศตะวันตกเฉียงใต้ตั้งแต่การก่อสร้างทำไปได้ถึงเพียงชั้นที่ 3 ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย Giovanni di Simone สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใช้เวลาสร้างนานที่สุดในโลก พอสร้างเสร็จฐานก็ทรุดลงไปข้างหนึ่ง ทำให้เอียงออกไปจากเส้นดิ่ง 4 เมตร แต่ที่ไม่ล้มลงมา เพราะแรงที่จุดศูนย์ถ่วง เมื่อลากดิ่งลงมาไม่ออกนอกฐานจึงไม่ล้มยังทรงตัวอยู่ได้

หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา ตลอดระยะเวลาตั้งแต่การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ หอเอนแห่งเมืองปิซ่ามีระยะความเอียงเพิ่มขึ้นทุกๆปีจนเกิดความวิตกกันว่าหอระฆังแห่งนี้จะถล่มลงมาในวันใดวันหนึ่ง ดังนั้นในปี ค.ศ. 1964 รัฐบาลอิตาลีจึงได้เริ่มการศึกษาวิธีการในการคงสภาพของหอเอนแห่งเมืองปิซ่ามิให้เอนไปมากกว่านี้ บรรดานักคณิตยศาสตร์ วิศวกร และนักประวัติศาสตร์จากหลากหลายประเทศถูกเชิญให้เขามามีส่วนร่วมในการระดมสมองในครั้งนี้ หลังจากใช้เวลากับการศึกษาวีธีการกว่า 20 ปี โครงการบูรณะหอเอนแห่งเมืองปิซ่า โดยการตัวอาคารถูกขึงและดึงโดยสาเคเบิลจนตัวอาคารเริ่มขยับเป็นระยะกว่า 45 เซนติเมตร อันเป็นตำแหน่งในปีค.ศ.1838 และได้เปิดให้สาธารณชเข้าชมหอระฆังแห่งนี้ได้อีกครั้งในปี ค.ศ.2001 จากการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจนล่วงมาถึงปี ค.ศ.2008 หอเอนแห่งเมืองปิซ่าก็ได้รับการประกาศว่าหอคอยแห่งนี้ไม่มีการเคลื่อนที่อีกเลยตั้งแต่ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ โครงการเสริมความมั่นคงของหอเอนนี้ ใช้งบประมาณ 26 ล้านยูโร คาดว่าจะช่วยให้ความมั่นคงได้ถึง 200 ปี โครงการนี้ดำเนินงานมามากกว่า 10 ปี ซึ่งรวมถึงการขุดดินทางด้านทิศเหนือ ออกประมาณ 70 ตัน การขุดดินออกนี้ ช่วยให้หอคอยปรับตั้งตรงขึ้นได้ด้วยตัวเอง





ประวัติหอเอนปิซ่าความพยายามในการซ่อมแซม


กาลิเลโอ กาลิเลอิ เคยใช้หอนี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่อง แรงโน้มถ่วง ในตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซา โดยใช้ลูกบอล 2 ลูกที่น้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมา เพื่อพิสูจน์ว่า ลูกบอล 2 ลูกจะตกถึงพื้นพร้อมกัน ซึ่งก็เป็นไปตามที่กาลิเลโอคาดไว้ ในปี ค.ศ.1934 เบนิโต มุสโสลินี พยายามจะทำให้หอกลับมาตั้งฉากดังเดิม โดยเทคอนกรีตลงไปที่ฐาน แต่กลับทำให้หอยิ่งเอียงมากขึ้นไปอีก กองทัพสหรัฐฯ ตัดสินใจไม่ยิงปืนใหญ่ใส่หอเอนเมืองปิซา วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1964 รัฐบาลอิตาลี พยายามหยุดการเอียงของหอเอนเมืองปิซา โดยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น วิศวกร นักคณิตศาสตร์ และนักประวัติศาสตร์ โดยใช้เหล็กรวมกว่า 800 ตัน ค้ำไว้ไม่ให้หอล้มลงมา ในวันที่ 7 มกราคม ค.ศ.1990 หอเอนเมืองปิซาถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยว เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังขุดดินของอีกด้านหนึ่งออก เพื่อให้สมดุลยิ่งขึ้น และในวันที่ 15 ธันวาคม 2001 หอเอนเมืองปิซาถูกเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกครั้ง และถูกประกาศว่าสมดุลแล้วใน 300 ปี





ขึ้นทะเบียนมรดกโลก


หลังจากเริ่มทำการปรับปรุง ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Dei Miracoli หอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย









มหาวิหารปิซ่า



ตั้งอยู่ที่เมือง
ปิซา
ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม




Baptistry













Diotisalvi







บาปติสทรี (Baptistry ) เป็นตึก ที่มีลักษณะเป็นวงกลม ตั้งอยู่ใกล้กับโบสถ์และ หอเอน เป็นอีกสิ่งก่อสร้างหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในทุ่งมหัศจรรย์ ( Campo dei Miracoli) เป็นตึกทรงกลมที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี สร้างเมื่อปี 1152 โดย ดีโอตีซัลวี (Diotisalvi) และได้รับการต่อเติมด้วย สถาปัตยกรรมสไตล์ต่างๆ ตลอดเวลาสองศตวรรษ รวมทั้งศิลปะแบบ โรมันเนสค์ และ โกธิค เนื่องจากพื้นที่ด้านในนั้น ค่อนข้างกว้างจึงมี รูปปั้นแกะสลักจากหิน เต็มไปหมด และยัง ประกอบไปด้วย อ่างน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ที่สวยงาม และ พื้นสูงที่สร้างโดย นิโคลา ปิซาโน (Nicola Pisano) จุดสำคัญอื่น ๆ ในบาปติสทรีนี้ คือ ห้องเสียงที่ผู้เข้าชม สามารถจะเข้าไปร้องเพลง และลองแต่งเพลงซักบรรทัดดูได้ หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า หอล้างบาป เป็นคริสต์ศาสนสถาน ที่สร้างเป็นอิสระจากสิ่งก่อสร้างอื่นโดยมีอ่างศีลจุ่มเป็นศูนย์กลาง หอศีลจุ่มอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของวัดหรือมหาวิหารซึ่งมีแท่นบูชาและคูหาสวดมนต์ของตนเอง ในวัดสมัย คริสเตียนยุคแรกหอศีลจุ่มจะเป็นสถานสำหรับผู้จะเข้ารีตเรียนรู้เรื่องศาสนาก่อนจะรับศีลจุ่ม และเป็นที่ทำพิธีรับศีลจุ่ม









Camposanto or Cemetery / Holy Field)











Giovanni di Simone


แคมโปซองโต ( Camposanto or Cemetery / Holy Field) ถัดจากโบสถ์ และ บาปติสทรี จะเป็นสุสานแคมโปซองโต ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1278 โดย Giovanni di Simone ตามตำนานกล่าวว่า ดินที่ใช้ใน การสร้างสุสานแห่งนี้นั้น ถูกนำมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และเชื่อว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์ มีเพียง พวกอาจารย์ที่มีชื่อเสียง และ สมาชิกครอบครัว เมดิแคน( Medicean family) เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ถูกนำร่างมาฝังไว้ ณ ที่นี้ สุสานแห่งนี้ได้รับ การตกแต่งประดับประดาด้วย ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งวาดโดย ศิลปินผู้เลื่องชื่อ ในศตวรรษที่ 14 นอกจากนี้ยังมี รูปแกะสลัก โลงหิน และ รูปปั้นแบบโรมันอีกด้วย แต่เนื่องจากเกิดสงครามขึ้นในช่วงปี 1944 ทำให้สุสานดังกล่าว ถูกระเบิดลงอย่างหนัก และได้รับ ความเสียหายอย่างมากมาย แต่ก็ได้มีการ บูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นในปี 1990 แม้ในปัจจุบันก็ยังคงซ่อมอยู่ อย่างไรก็ตาม มันยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่เต็มไปด้วย ความงาม ด้านศิลปะ และ หากใครจะมาปิซา คงต้องเลือก ที่จะมาที่นี่ด้วย













สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง








Santo Stefano dei Cavalieri







ซานโต สเตฟาโน ดี คาวาลิเยรี (Santo Stefano dei Cavalieri) ลักษณะที่ โดดเด่นของโบสถ์แห่งนี้ คือ ส่วนด้านหน้า ที่ทำจากหินอ่อน ในศตวรรษที่ 16 โบสถ์แห่งนี้ได้อุทิศให้กับ กองทัพทหารตามคำสั่ง ของ อัศวินของ เซนต์สเตฟาน









Botanical Gardens







สวนพฤกษศาสตร์ (Botanical Gardens) ตั้งอยู่ในใจกลางกรุง ปิซา เดินจากหอเอนเพียง สองสามนาทีก็ถึง สวนอันงดงามแห่งนี้ ถูกพบในช่วงปี 1540 นอกจากจะเป็น สวนพฤกษศาตร์ที่เก่าแก่ ที่สุดในยุโรปแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมของ หุ่นจำลองต่างๆ จากทั่วโลกอีกด้วย ปัจจุบัน สวนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่ของมหาวิทยาลัย และ เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนได้เป็นอย่างดี






Lungarno Simonelli





ลังการ์โน ซิมอนเนลลี (Lungarno Simonelli )

เป็นแหล่งเก็บซากเรือจากอ่าวปิซา ในแม่น้ำ อาร์โน ซึ่งมันยังคงลึกพอที่จะพาเรือเข้ามาเทียบได้









Museo Nazionale di San Matteo



มิวโซ นาซยงนาล ดี ซอง มัตติโย (Museo Nazionale di San Matteo ) เป็นสถาปัตยกรรม ที่เกิดขึ้นก่อน และประมาณตอนต้นของยุค เรเนซองซ์โดยศิลปินชื่อดัง เช่น ฟรา แองเจลิโก (Fra Angelico) และ มาซัคคิโอ (Masaccio)



















รูปแบบของศีลปะและองค์ประกอบของสถาปัตยกรรม


ของจัตุรัสดูโอโมแห่งปิซา






สถาปัตยกรรมสไตล์ โรมันเนสค์ (Romanesque) ซึ่งผสมผสานด้วยศิลปะแบบอิสลาม โกธิค และ โรมัน ลักษณะเด่นๆของสถาปัตยกรรมนี้คือความเทอะทะ (massive quality) เช่นความหนาของกำแพง ประตูหรือหลังคา/เพดานโค้งประทุน (barrel vault) เพดานโค้งประทุนซ้อน (double barrel vault) การใช้โค้งซุ้มในระหว่างช่วงเสาหนึ่ง ๆ (arcade) และในแต่ละชั้นที่ต่างขนาดกัน เสาที่แน่นหนา หอใหญ่หนัก และ การตกแต่งรอบโค้ง (เช่น:ซุ้มประตูหรืออาร์เคด (arcade)) ลักษณะตัวอาคารก็จะมีลักษณะเรียบ สมส่วนมองแล้วจะเป็นลักษณะที่ดูขึงขังและง่ายไม่ซับซ้อน หลังคารูปโดมแบบศิลปะแบบอิสลาม มีการเกะสลักลวดลายผนังแบบโกธิค และ เสากลมประตูโค้งแบบโรมัน







ของที่ระลึก



Borgo Stretto and Piazza Vetovaglie









บอร์โก สเตร็ทโต และ เปียซา เวโตเวจลี (Borgo Stretto and Piazza Vetovaglie) เป็นทางเดินที่มีร้านขายของสองฝั่ง ซึ่งจะโด่งดังในเรื่องของตลาดอาหาร นอกจากนี้ ยังมีสินค้าต่างๆ ให้เลือกสรรมากมาย ตั้งแต่ เสื้อผ้า หนังสือ และเต็มไปด้วยผับ และบาร์ที่บรรยากาศดี ที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมของ เหล่าวัยรุ่นต่างๆ ยังมีเครื่องดื่มคอกเทลล์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มคอกเทลล์ ภายนอกจัตุรัสแห่งปาฏิหาริย์ สองข้างถนนขณะนี้เรียงรายไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ทั้งเสื้อยืด หมวก หนังสือ แต่ที่ดูได้รับความนิยมมากที่สุดคงหนีไม่พ้น หอเอนจำลองขนาดเล็กใหญ่ ที่วางขายกันแทบทุกร้าน










สรุป

เมืองปิซ่าเป็นเมืองนี้มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและมีชื่อเสียงนั้นคือจัตุรัสดูโอโมแห่งปิซาคือบริเวณที่ล้อมรอบด้วยกำแพง ใจกลางเมืองปิซา แคว้นทัสเคนี ประเทศอิตาลี ส่วนคำว่า "กัมโป เดย์ มีราโกลี" นั้นแปลว่า "จัตุรัสอัศจรรย์"เปียซ่า เดล ดูโอโม (Piazza del Duomo) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่ได้รับการขนานนาม ว่า "Campo dei Miracoli” หรือ " ทุ่งมหัศจรรย์ ” เพราะเป็นที่ตั้งของหอคอยที่โด่งดัง และ โบสถ์สำคัญ ๆ ที่สง่างามหลายแห่ง ดูโอโม (Duomo) เป็นหนึ่งในตัวอย่างของ สถาปัตยกรรมสไตล์ โรมันเนสค์ (Romanesque) ซึ่งผสมผสานด้วยศิลปะแบบอิสลาม โกธิค และ โรมัน มี อายุตั้งแต่ คริสตศตวรรษที่ 5 – คริสตศตวรรษที่ 6ประกอบไปด้วยสิ่งก่อสร้างหลัก 4 อย่าง ได้แก่1.หอเอนเมืองปิซ่าเป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศโดยยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza DeสMiracoli หอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย

2.(Baptistery) หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า หอล้างบาป เป็นคริสต์ศาสนสถาน ที่สร้างเป็นอิสระจากสิ่งก่อสร้างอื่นโดยมีอ่างศีลจุ่มเป็นศูนย์กลาง หอศีลจุ่มอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของวัดหรือมหาวิหารซึ่งมีแท่นบูชาและคูหาสวดมนต์ของตนเอง ในวัดสมัยคริสเตียนยุคแรกหอศีลจุ่มจะเป็นสถานสำหรับผู้จะเข้ารีตเรียนรู้เรื่องศาสนาก่อนจะรับศีลจุ่ม และเป็นที่ทำพิธีรับศีลจุ่ม


3.Campo Santo)
จะเป็นสุสานแคมโปซองโต ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1278 โดย Giovanni di Simone ตามตำนานกล่าวว่า ดินที่ใช้ใน การสร้างสุสานแห่งนี้นั้น ถูกนำมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และเชื่อว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์ มีเพียง พวกอาจารย์ที่มีชื่อเสียง และ สมาชิกครอบครัว เมดิแคน( Medicean family) เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ถูกนำร่างมาฝังไว้ ณ ที่นี้ สุดท้ายคือมหาวิหารปิซ่า










บรรณานุกรม
th.wikipedia.org/wiki/จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซา
www.bloggang.com/viewdiary.php?id=vinitsiri
wapedia.mobi/th/จตุรัสดูโอโมแห่งปิซา